หากว่าคุณคือคนหนึ่งยังคงสงสัยว่า VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน) มันคืออะไร มันทำงานอย่างไร คุณสามารถใช้งานได้ที่ไหนและเลือกได้แบบไหนให้เหมาะกับคุณมากที่สุด สำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ควรรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของเทคโนโลยี VPN ที่มีประโยชน์นี้ และคุณไม่ต้องกังวลกับข้อมูลด้านเทคนิคมากนัก เพราะเรายินดีให้คำปรึกษาคุณ มาเริ่มกันเลยครับ
VPN คืออะไร
VPN นั้นย่อมาจาก Virtual Private Network หรือก็คือ เครือข่ายส่วนตัวเสมือนที่นำเสนอระดับการป้องกันและความเป็นส่วนตัวที่สูงขึ้นเมื่อคุณใช้งานอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะที่บ้านหรือนอกบ้าน
พูดง่าย ๆ ก็คือ VPN ก็สร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยผ่านเครือข่ายสาธารณะ (เช่น Wi-Fi ในการขนส่งสาธารณะ, โรงแรมหรือคาเฟ่โปรดของคุณ) รวมถึงเครือข่ายในบ้าน (เช่นเครือข่ายผู้ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ)
ด้วยการกำหนดเส้นทางรับส่งข้อมูลของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์เฉพาะและการเข้ารหัสข้อมูล VPN จะซ่อนกิจกรรมออนไลน์ของคุณและปกป้องคุณจากอันตรายบนเว็บ – ตั้งแต่การโจมตีของแฮ็กเกอร์ไปจนถึงการขายข้อมูล การขโมยข้อมูลประจำตัวและอื่น ๆ อีกมากมาย
VPN มีประโยชน์ในหลาย ๆ อย่างสำหรับโลกออนไลน์ ไม่เพียงแต่มอบให้ความปลอดภัยที่ดีขึ้นสำหรับคุณและอุปกรณ์ของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์และเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นการเข้าถึงทางภูมิศาสตร์บนอินเทอร์เน็ตได้จากทุกที่!
อย่างเช่นหากคุณต้องการเข้าถึง US Netflix ในต่างประเทศ, ดูรายการทีวีในประเทศของคุณ ในขณะที่คุณอยู่ต่างประเทศ หรือคุณเป็นเพียงผู้ให้การสนับสนุนการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ไร้พรมแดน VPN ที่ดีที่มีเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่และความเร็วสูงจะช่วยเปิดโลกแห่งความบันเทิงใบใหม่เพื่อให้คุณเข้าไปเพลิดเพลินได้
VPN นั้นอยู่ทุกที่ในทุกวันนี้ ตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ไปจนถึงหน่วยงานราชการ เทคโนโลยี VPN มักจะใช้เพื่อให้การเข้าถึงระยะไกลและปลอดภัยไปยังเครือข่ายขององค์กร
ผู้คนทั่วไปจำนวนมากที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของพวกเขา เช่นเดียวกับคุณใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือนเพื่อลดการเปิดเผยและป้องกันตนเองจากภัยคุกคามต่าง ๆ ที่สามารถพบได้ทางออนไลน์ ยังมีคนอื่น ๆ ต้องการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกเซ็นเซอร์ในต่างประเทศหรือข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ในการสตรีมและบริการในต่างประเทศ
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ VPN ช่วยให้อินเทอร์เน็ตดีขึ้น
VPN ทำงานอย่างไร
ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยไคลเอนต์ VPN ของคุณ – อินเตอร์เฟสที่คุณใช้จัดการการเชื่อมต่อ VPN ของคุณ เมื่อคุณเปิดใช้งาน คุณจะสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่คุณต้องการ ซึ่งมันจะรับผิดชอบในการเปลี่ยนเส้นทางและเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลการใช้งานของคุณ
โดยปกติแล้วรายละเอียดการรับส่งข้อมูลของคุณจะปรากฏต่อ ISP ของคุณ อย่างไรก็ตามเมื่อคุณเปิดใช้งาน VPN ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะเห็นว่าคุณได้สร้างการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ข้อมูลของคุณจะถูกส่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN ก่อนที่จะถึงปลายทาง
คุณยังได้รับหมายเลข IP ที่แตกต่างจากที่อยู่จริงของคุณ ดังนั้นข้อมูลส่วนตัวออนไลน์ของคุณได้รับการคุ้มครองตลอดเวลา ปลายทางที่คุณเลือกจะไม่รู้ว่าการรับส่งข้อมูลของคุณมาจากสถานที่จริงของคุณ เนื่องจากมันส่งมาจากเซิร์ฟเวอร์ VPN
หากฟังดูสับสนเกินไป ลองคิดง่าย ๆ ว่า VPN ของคุณคือคนกลางที่คุณได้รับการว่าจ้างเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณอยู่ภายใต้การคุ้มครอง ขณะที่มันถูกถ่ายโอนไปจากคุณไปยังเว็บไซต์หรือบริการที่คุณกำลังเยี่ยมชม นอกจากนี้ยังให้ความเป็นส่วนตัวของคุณโดยการซ่อนหมายเลข IP, อุปกรณ์และตำแหน่งที่แท้จริงของคุณไว้ (แม้ว่าผู้ให้บริการ VPN จะยังสามารถมองเห็นพวกเขาได้)
ตำแหน่งดิจิทัลของคุณจะอยู่ที่ใดก็ตามที่เซิร์ฟเวอร์ VPN ของคุณอยู่และหมายเลข IP ของคุณเป็นหมายเลขที่ใช้งานร่วมกับผู้ใช้รายอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น หากคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในเยอรมนีตอนนี้คุณมีที่หมายเลข IP ของเยอรมันในกรุงเบอร์ลินหรือแฟรงค์เฟิร์ต
โปรดทราบว่านี่เป็นเพียงคำอธิบายง่าย ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมาก หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานภายในของ VPN เราขอเชิญคุณลองดูคำแนะนำเชิงลึกเกี่ยวกับอุโมงค์ VPN
โปรโตคอล VPN
การเข้ารหัส VPN นั้นมีหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกโปรโตคอลที่เหมาะสม
VPN ส่วนใหญ่ใช้โปรโตคอลต่อไปนี้: PPTP, L2TP, SSTP, IKEV2 และ OpenVPN โดยปกติคุณจะสามารถสลับไปมาระหว่างกันได้อย่างง่ายดายผ่านเมนูการตั้งค่า
โดยทั่วไปให้ใช้ OpenVPN ทุกครั้งที่ทำได้ ซึ่งมันมีความสมดุลที่ดีที่สุดระหว่างความเร็วและความปลอดภัย หากคุณอยากรู้เกี่ยวกับรายละเอียดปลีกย่อยของโปรโตคอล VPN ลองดูการเปรียบเทียบโดยละเอียดของเรา
VPN รับประกันความเป็นส่วนตัวของฉันได้อย่างไร
คุณอาจถามตัวเองว่าคุณจะเพลิดเพลินกับการใช้งานแบบไม่ระบุตัวตนได้อย่างไรเมื่อผู้ให้บริการ VPN ของคุณแทนที่ ISP ของคุณในฐานะผู้ดูแลการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตของคุณ นั่นเป็นข้อกังวลที่ถูกต้องแล้ว – และคำตอบก็คือคุณจะไม่เปิดเผยตัวตน 100% แม้แต่กับ VPN
นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน
สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าความเป็นส่วนตัวนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่เปิดเผยตัวตนและมันมีความแตกต่างอย่างมาก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผู้ให้บริการ VPN ของคุณสามารถดูกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้ เว้นแต่จะทำงานภายใต้นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน
ผู้ให้บริการ VPN หลายรายสัญญากับคุณว่าข้อมูลการเชื่อมต่อและแบนด์วิดท์ของคุณจะไม่ถูกรวบรวมจัดเก็บหรือแบ่งปัน ซึ่งหมายความว่าผู้ให้บริการ VPN ที่ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานของคุณจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้นการไม่มีบันทึกใด ๆ จะป้องกันไม่ให้ข้อมูลของคุณถูกส่งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ หากมีการร้องขอ
กล่าวโดยย่อคือ นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลเป็นคุณลักษณะบังคับของ VPN ใด ๆ ที่อ้างว่าสามารถปรับปรุงความเป็นส่วนตัวของคุณได้
เว้นแต่คุณไม่มีความสนใจในการความเป็นส่วนตัวแบบดิจิทัลของคุณไว้กับตัวคุณเอง คุณควรมองหาบริการ VPN ที่ไม่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อนใด ๆ – อย่าลังเลที่จะตรวจสอบ VPN ที่ไม่มีการบันทึกที่ดีที่สุดในตลาด
VPN และ Tor
Tor หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Onion Router เป็นเครือข่ายที่ไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งส่งข้อมูลของคุณผ่านรีเลย์อย่างน้อยสามครั้งก่อนที่จะถึงปลายทาง แต่มันมีข้อจำกัด หากการไม่เปิดเผยตัวตนมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคุณ มันเป็นความคิดที่ดีที่จะ ใช้ VPN และ Tor ร่วมกัน
มีวิธีทำสองวิธี:
- Tor over VPN
ในแบบนี้ คุณจะเชื่อมต่อกับ VPN ก่อนแล้วถึงเชื่อมต่อกับ Tor – ด้วยวิธีนี้บุคคลที่สามที่แอบดูการเชื่อมต่อของคุณจะไม่สามารถเห็นว่าคุณกำลังใช้ Tor (ซึ่งอาจเป็นเหตุให้สงสัย) - VPN over Tor
เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ Tor ก่อน ข้อมูลของคุณจะเข้าสู่ Tor ออกจากเซิร์ฟเวอร์ทางออกและจากนั้นจะถูกส่งผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN
VPN ใช้งานได้ง่ายหรือไม่
ส่วนที่ดีเกี่ยวกับ VPN – ถ้าใช้งานมันอย่างถูกต้อง – มันอาจจะง่ายหรือซับซ้อนก็ได้ตามที่คุณต้องการ
มันขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ คุณสามารถมีไคลเอนต์ขนาดกะทัดรัดที่เข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณและช่วยให้คุณปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตได้เพียงไม่กี่คลิกหรือซอฟต์แวร์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมฟีเจอร์และการตั้งค่าทั้งหมดเพื่อช่วยคุณในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น สตรีม, torrent หรือหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์
ไม่ว่าในกรณีใด VPN ที่ดีนั้นใช้งานง่ายมากและสามารถตั้งค่าได้ทันทีโดยไม่ต้องมีขั้นตอนที่ซับซ้อนหรือมีข้อกำหนดที่ยุ่งยาก
คุณอาจสงสัยว่ามี VPN สำหรับคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปของคุณเท่านั้นหรือ ไม่ใช่เลย!
ฉันสามารถใช้ VPN กับ iOS หรือ Android ได้หรือไม่
แน่นอน! การติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์มือถือของคุณนั้นง่ายดายมาก ผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำส่วนใหญ่นำเสนอแอพพลิเคชั่นไคลเอ็นต์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Android และ iOS
จากที่กล่าวมา โปรดจำไว้ว่าเฉพาะการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ โดยปกติแล้ว VPN จะไม่ส่งผลกระทบไปยังแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ ซึ่งอาจรวบรวมและแบ่งปันตำแหน่ง GPS, รายชื่อผู้ติดต่อ, หมายเลข ID ของ app store และอื่น ๆ
ในกรณีส่วนใหญ่ คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายอุปกรณ์พร้อมกันด้วยใบอนุญาต VPN เดียว ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการรักษาความปลอดภัยให้กับครอบครัวหรือธุรกิจขนาดเล็กของคุณ จำนวนอุปกรณ์แตกต่างกันไป – ผู้ให้บริการบางรายจะอนุญาตให้คุณเชื่อมต่อสามหรือสี่อุปกรณ์เท่านั้น แต่ IPVanishจะอนุญาตให้คุณเชื่อมต่อได้สูงสุดสิบอุปกรณ์
หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ VPN บนสมาร์ทโฟนของคุณ ดูรายการ VPN ที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดสำหรับ Android และ VPN ที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดสำหรับ iOS
ฉันสามารถตั้งค่า VPN บนเราท์เตอร์ได้หรือไม่
ใช่ คุณสามารถทำได้ตราบใดที่เราเตอร์ของคุณเข้ากันได้กับ VPN และมันเป็นวิธีที่ดีในการรักษาอุปกรณ์ทั้งหมดในบ้านหรือธุรกิจของคุณให้ปลอดภัย คลิกที่นี่สำหรับคำแนะนำการติดตั้งโดยละเอียด
ฉันสามารถใช้ VPN ได้ฟรีหรือไม่
มีผู้ให้บริการ VPN คุณภาพสูงหลายสิบรายนำเสนออยู่ในเว็บ การหาผู้ให้บริการที่เหมาะสำหรับความต้องการของคุณคงไม่ยากจนเกินไป
สำหรับค่าบริการรายเดือนที่ค่อนข้างถูก (น้อยกว่า $10 ถ้าคุณเลือกแผนระยะยาว) คุณสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN และปกป้องตัวคุณเองได้อย่างง่ายดาย แต่ความยากลำบากนั้นมาจากการเลือกบริการที่เหมาะสมกับคุณที่สุด แต่ใครจะชอบจ่ายเงินถ้าไม่จำเป็น
มี VPN ฟรีมากมายและบางอันก็ดีกว่า VPN อื่น ๆ แต่ VPN ฟรีทุกตัวมีข้อจำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับบริการพรีเมี่ยม
นี่คือตัวอย่างบางส่วน: มันอาจมีขีดจำกัดความสามารถในการใช้แบนด์วิดท์ ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์และความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณอาจถูกจำกัด แถมยังมีข้อกังวลที่ร้ายแรงมากกว่านี้คือ นโยบายความเป็นส่วนตัวที่ไม่น่าไว้วางใจ ข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยและบางครั้งพวกเขาก็การขายข้อมูลการใช้งานของคุณ– ซึ่งเป็นนั้นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ใช้ VPN ในตอนแรก
เราไม่ได้บอกว่า VPN ฟรีทุกตัวมีส่วนร่วมในแนวปฏิบัติที่เลวร้ายเช่นนี้ แต่คุณมีโอกาสที่จะพบปัญหาที่ไม่ปรากฏใน VPN พรีเมี่ยมได้มากกว่า
ที่ vpnMentor เราขอแนะนำให้เลือกใช้บริการ VPN แบบจ่ายเงินที่เชื่อถือได้และโปร่งใสที่มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมายและชื่อเสียงที่ไว้วางใจได้
NordVPNมีการตั้งค่าที่ทำได้ง่าย, ไคลเอนต์ที่ใช้งานง่ายสำหรับเดสก์ท็อป/อุปกรณ์มือถือและไม่เก็บบันทึกข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้ ยิ่งไปกว่านั้นมันมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งหมายความว่าคุณมีเวลาทั้งเดือนในการลองและรับเงินคืนหากคุณไม่พอใจไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ NordVPN ดูว่าผู้เชี่ยวชาญของเราและผู้ใช้นับพันพูดถึงมันอย่างไร
สิ่งที่ดีที่สุดหรอ คุณไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายมากเกินไปในการรับบริการ VPN ชั้นนำ! ดูที่ส่วนท้ายของคู่มือเพื่อค้นหาว่าคุณจะได้ประโยชน์จากข้อเสนอที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ VPN พรีเมี่ยมนี้อย่างไร
VPN ถูกกฎหมายหรือไม่
คำตอบสั้น ๆ คือ ใช่!: พลเมืองในประเทศส่วนใหญ่มีสิทธิ์ตามกฎหมายในความเป็นส่วนตัวและ VPN จะไม่ละเมิดกฎหมายใด ๆ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์แวร์ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วการใช้งานของพวกเขานั้นไม่ผิดกฎหมาย และนี่คือคำตอบแบบยาว…
แม้ว่า VPN โดยทั่วไปจะถูกกฎหมาย แต่ก็มีหลายประเทศที่พยายามตรวจสอบและ/หรือจำกัดการใช้งาน สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าในกรณีส่วนใหญ่นั้นไม่เกี่ยวกับว่าคุณกำลังใช้ VPN หรือไม่ – แต่มันเกี่ยวกับสิ่งที่คุณใช้ VPN เพื่ออะไร
บางประเทศ (เช่นจีน, รัสเซีย, และอิหร่าน) ไม่ได้ห้ามใช้ VPN แต่มันมีสิ่งที่น่าจับตามอง ในทางเทคนิค คุณอนุญาตให้ใช้บริการ VPN ที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเท่านั้น
ซึ่งหมายความว่าผู้ให้บริการที่ได้รับอนุมัติส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการต่อต้านความเป็นส่วนตัวและการเซ็นเซอร์ทำให้บริการ VPN ไม่ได้ผลสำหรับคนจำนวนมาก
การใช้ VPN ที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลอาจทำให้คุณต้องเสียค่าปรับ หากคุณถูกจับ กฎหมายเหล่านี้มีความคลุมเครือโดยเจตนาและดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ค่อยมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษและเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีหากคุณต้องการใช้ VPN ในประเทศเหล่านี้
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดี ซึ่งพวเขามีการเพิ่มเวลาจำคุก เพิ่มการปรับเงินเป็นเงินจำนวนหกหลักเลยทีเดียว แต่ตรงกันข้าม การใช้ VPN ในประเทศนี้ไม่ถูกสั่งห้าม – สิ่งที่ถูกห้าม (และมีโทษ) ตามกฎหมายคือการใช้สิ่งนี้เพื่อ“ วัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมาย” ซึ่งมันครอบคลุมตั้งแต่การพนันและคำพูดแสดงความเกลียดชัง ไปจนถึงการเข้าถึง Skype และ Wikipedia ดังนั้นมันค่อนข้างง่ายที่จะก่ออาชญากรรมด้วย VPN ภายใต้กฎหมายของ UAE
กฎหมายเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะมีการบังคับใช้น้อยมาก แต่การมีอยู่ของพวกมันก็มากเพียงพอที่จะทำให้คุณเดือดร้อน หากคุณไม่ได้เตรียมไว้
ประเทศอื่น ๆ เช่น อิรัก, เบลารุสและเติร์กเมนิสถานนั้นนำไปไกลกว่านั้นโดยการห้ามใช้ VPN อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมการปรากฏตัวของผู้ก่อการร้ายในโซเชียลมีเดีย, สร้างการควบคุมทางการเมืองหรือ จำกัดการเข้าถึงสื่อต่างประเทศ ความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ของประชาชนในภูมิภาคเหล่านี้ถูกจำกัดโดยกฎหมาย
แล้วใจความสำคัญของมันคืออะไร ยกเว้นบางกรณีที่รุนแรง การใช้ VPN นั้นถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามบางประเทศมีข้อกำหนดและข้อจำกัดเฉพาะสำหรับ VPN ที่จะใช้และสิ่งที่ควรใช้
หากคุณกำลังวางแผนการเดินทางไปรัสเซีย, จีนหรือตะวันออกกลาง สิ่งสำคัญคือการทำความคุ้นเคยกับวิธีที่ VPN ได้รับการปฏิบัติภายใต้บริบททางกฎหมายของประเทศเหล่านี้ มิฉะนั้นคุณจะต้องเจอปัญหา
หมายเหตุ: ในขณะที่เราทำการวิจัยอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นมีประโยชน์ แม่นยำและเป็นข้อมูลล่าสุด เราไม่ได้เป็นนักกฎหมายหรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ VPN ของประเทศต่าง ๆ ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดในคู่มือนี้ที่จะถือว่าเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย
ข้อดีและข้อเสียของ VPN
VPN มีหลายสิ่งที่นำเสนอให้กับคุณ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจข้อดีและข้อเสียของการใช้ VPN ได้ดียิ่งขึ้นเราได้เตรียมรายการมานำเสนอให้กับคุณ:
ข้อดี
- คุณสามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นการเข้าถึงบนเว็บไซต์ใดก็ได้
หากคุณมี VPN ที่เหมาะสม คุณสามารถดูรายการโปรดและอ่านบอร์ดโปรดของคุณได้โดยไม่มีจำกัดทางภูมิศาสตร์ เว็บไซต์ที่มีปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหาจะคิดว่าคุณกำลังเชื่อมต่อจากที่ใดก็ตามที่เซิร์ฟเวอร์ VPN ของคุณตั้งอยู่ ในขณะที่คุณกำลังพักผ่อนในบ้านของคุณเอง ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ - คุณสามารถเข้าถึงเครือข่ายภายในบ้านหรือธุรกิจของคุณได้อย่างปลอดภัย
ประโยชน์หลักของ VPN คือการเข้ารหัส ซึ่งให้ชั้นความปลอดภัยที่มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าคุณจะเดินทางหรืออยู่บ้าน การใช้ VPN ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเดสก์ท็อประยะไกลและเครือข่ายในบ้านได้โดยมีความเสี่ยงน้อยที่สุด - คุณสามารถใช้ฮอตสปอตไวไฟได้อย่างปลอดภัย
เราได้กล่าวถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ในการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะโดยไม่มีการป้องกันไปแล้ว ด้วย VPN คุณจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกขโมยไปในตอนที่คุณกำลังดื่มกาแฟยามเช้าหรือพยายามทำงานในคาเฟ่ที่คุณชื่นชอบ - คุณสามารถต่อสู้กับการเซ็นเซอร์
ไม่สำคัญว่าจโรงเรียนของคุณห้ามใช้งาน Facebook หรือรัฐบาลของคุณขึ้นบัญชีดำกับสื่อตะวันตกทั้งหมด – หลักการของการเซ็นเซอร์เหมือนกันและ VPN เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เชื่อถือได้ หากคุณต้องการแสดงความคิดเห็นของคุณโดยไม่ต้องกลัวผลกระทบทางกฎหมายคุณสามารถทำมันได้ด้วยความเป็นส่วนตัวด้วย VPN - คุณสามารถหลีกเลี่ยงจำกัดการควบคุมปริมาณการใช้งานและความเร็วของ ISP ของคุณได้
ด้วยการใช้ VPN คุณจะทำให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตนั้นไม่สามารถรู้ได้ว่าคุณทำอะไร – พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้พฤติกรรมการท่องเว็บของคุณหรือสิ่งที่คุณกำลังดาวน์โหลดอยู่ นอกจากนี้คุณสามารถป้องกันการควบคุมปริมาณแบนด์วิธโดยเจตนาและเพลิดเพลินกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณด้วยความเร็วสูงสุดตามที่ควรจะเป็น - จดหมายของคุณจะยังคงเป็นส่วนตัว
หากคุณต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อความอีเมลและการสนทนาของคุณไปถึงแค่คนที่คุณต้องการจะให้มันเป็นความคิดที่ดีที่จะใช้ VPN ข้อมูลสำคัญของคุณจะยังคงเป็นส่วนตัวและผู้สอดแนมจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ - คุณสามารถป้องกันตนเองจากการโจมตี DDoS
หากคุณเป็นนักเล่นเกม คุณรู้ว่าการโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (DDoS) นั้นร้ายแรงและมีประสิทธิภาพแค่ไหน – และพวกเขาสามารถทำลายความสนุกของคุณได้ทันที โดยเฉพาะเมื่อคุณมีส่วนร่วมในเกมการแข่งขัน ด้วยการใช้ VPN คุณสามารถสลับเซิร์ฟเวอร์และรับหมายเลข IP ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กำจัดการโจมตีที่เป็นอันตรายที่ส่งถึงคุณ
ข้อเสีย
- ความเร็วในการเชื่อมต่อของคุณจะลดลง
VPN เปลี่ยนเส้นทางการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง ซึ่งทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลง อย่างไรก็ตาม หากคุณเลือกบริการที่มีเครือข่ายที่ดีที่สุดและเซิร์ฟเวอร์ที่รวดเร็ว เช่น ExpressVPNคุณจะสังเกตเห็นความแตกต่าง และจำไว้ว่ายิ่งการเชื่อมต่อของคุณเร็วเท่าไรก็ คุณก็ยิ่งสำเกตุเห็นมันได้น้อยลงเท่านั้น - ผู้ให้บริการ VPN ของคุณสามารถเข้าถึงกิจกรรมออนไลน์ของคุณ
ในความเป็นจริง ไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่าผู้ให้บริการ VPN จะไม่ดูบันทึกของคุณ
ในบางกรณี พวกเขาอาจต้องส่งมอบข้อมูลผู้ใช้เนื่องจากกฎหมายการเก็บข้อมูล – ในบางกรณีคุณอาจถูกขอให้เปิดใช้งานการตั้งค่าการบันทึกในไคลเอนต์ของคุณเพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือคุณในปัญหาที่คุณมี
นั่นเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ต้องทราบว่าบริการ VPN ของคุณอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลใดและผู้ใช้ต้องมีการอ้างสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวอะไรบ้าง ผู้ให้บริการ VPN ที่โปร่งใสจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของพวกเขาอธิบายถึงมาตรการทางเทคนิคที่พวกเขานำไปใช้เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขารู้จักคุณและกิจกรรมออนไลน์ของคุณน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
นอกจากนี้ยังมีข้อเสียบางประการที่เราไม่ถือว่าเป็นข้อเสีย แต่ควรกล่าวถึง:
- คุณอาจพบไซต์ที่บล็อก VPN
ทุกวันนี้เว็บไซต์ที่มีการจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาทางภูมิศาสตร์จำนวนมากให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อการยกเลิกการปิดกั้นซอฟต์แวร์ เว็บไซต์เหล่านี้มีกลไกการตรวจสอบที่เข้มงวด ซึ่งจะบล็อกผู้ใช้ไม่ให้เข้าถึงบริการพวกเขาด้วยบริการ VPN หากพวกเขาพบว่าผู้ใช้กำลังใช้งาน มันเป็นเกมที่ไม่มีวันสิ้นสุดสำหรับแมวและหนู โชคดีที่มีวิธีแก้ปัญหาอยู่เสมอ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้ คุณสามารถอ่านคำแนะนำของเราเกี่ยวกับวิธีหลีกเลี่ยงการบล็อก VPN อย่างง่ายดาย - คุณอาจเปิดประตูสู่การปลอมแปลง IP และบัญชีดำ
บริการ VPN ส่วนใหญ่จะทำงานกับหมายเลข IP ที่ใช้ร่วมกันตามค่าเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่าหมายเลข IP ที่ VPN ที่คุณใช้นั้นมีการแบ่งปันร่วมกับผู้ใช้รายอื่นที่เลือกผู้ให้บริการรายเดียวกัน ทำให้การปลอมแปลง IP นั้นทำได้ง่ายขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำของผู้ใช้ VPN หนึ่งรายอาจส่งผลให้หมายเลข IP นั้นถูกขึ้นบัญชีดำโดยบริการบางอย่างและคุณจะไม่ทราบจนกว่าคุณจะไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ในบางกรณีสิ่งนี้อาจส่งผลให้ลดความน่าเชื่อถือจากบริการดังกล่าว เช่น ธนาคาร อีเมล ฯลฯ
คุณสามารถหลีกเลี่ยงผลลัพธ์นี้ได้โดยเลือก VPN ที่นำเสนอหมายเลข IP แบบคงที่ – ด้วยวิธีนี้คุณจะมีที่อยู่เฉพาะสำหรับคุณ ซึ่งคุณสามารถใช้บริการนี้โดยไม่สูญเสียประโยชน์จากเทคโนโลยี VPN
มาเริ่มกันเลย
โชคดีที่มีผู้ให้บริการ VPN จำนวนมากที่แข่งขันกับเพื่อนำเสนอบริการสำหรับคุณ น่าเสียดายที่ตัวเลือกมากมายเช่นนี้อาจสร้างความสับสนได้ อย่ากังวลไป! คุณสามารถค้นหา VPN ที่เหมาะกับคุณได้ หากคุณรู้ว่าคุณต้องการอะไร ให้เราช่วยคุณ
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นด้วยรายละเอียด คุณต้องตอบคำถามที่สำคัญที่สุดทั้งหมด:
ฉันควรมองหาอะไรใน VPN
ดูเหมือนว่าผู้ใช้งานต้องการ VPN เพื่อ”ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย” แต่ด้วยความต้งการเพียงแค่นี้ไม่ช่วยให้คุณเลือกได้ ในตอนนี้คุณรู้แล้วว่า VPN สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ให้คุณได้มากกว่านั้น ความจริงก็คือผู้ใช้ VPN นั้นมีความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน คุณต้องหาเหตุผลให้ได้ว่าเหตุใดคุณจึงต้องการใช้ VPN:
- เพื่อปลดบล็อกการเข้าถึงบริการสตรีมมิ่ง
หลายคนใช้ VPN เพื่อเลิกบล็อก Netflix จากต่างประเทศและสิ่งนั้นอาจมีความสำคัญเหนือกว่าคุณสมบัติอื่นใด อย่างไรก็ตาม Netflix และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมอื่น ๆ ทำให้การใช้บริการ VPN เพื่อเข้าถึงเนื้อหาโดยไม่ตรวจถูกตรวจพบนั้นเป็นเรื่องยากมาก ๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการสตรีมด้วย VPN – คุณจะต้องใช้ความเร็วที่สูงมากและเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อถือได้เพื่อเข้าถึงบริการนั้น
สรุปว่ายังไงเหรอ ไม่ใช่ว่า VPN ทุกตัวจะเหมาะสำหรับการปลดบล็อกและสตรีมมิ่ง ดังนั้นคุณจะต้องเลือกอย่างระมัดระวัง คุณต้องการหลีกเลี่ยงการจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาและดูสิ่งที่คุณต้องการบนอินเทอร์เน็ตโดยไม่มีข้อจำกัด ใช่ไหม ดู VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Netflix, Hulu และ BBC iPlayer - เพื่อเรียกใช้แบบส่วนตัวและใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่ต้องกังวล
หากคุณต้องการการบริการที่ไม่ซับซ้อน คุณจะมีตัวเลือก VPN ให้เลือกมากมาย
คุณสามารถเลือกใช้ VPN ราคาประหยัดได้ หากคุณเป็นผู้ใช้ที่ต้องการการปกป้องที่เรียบง่าย ไม่ยุ่งยาก – หรือคุณสามารถดูบริการชั้นนำได้หากคุณต้องการประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและฟีเจอร์มากมาย ไม่ว่าในกรณีใดก็ตามอย่าประนีประนอมกับความเป็นส่วนตัวของคุณและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกผู้ให้บริการที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล - เพื่อกำจัดการเซ็นเซอร์ที่เข้มงวด
หากคุณกำลังวางแผนการเดินทางไปยังประเทศจีนคุณอาจไม่ต้องการมีปัญหากับ Great Firewall
เพื่อหลีกเลี่ยงการบล็อก VPN และเข้าถึงเว็บไซต์และบริการที่คุณชื่นชอบจากภูมิภาคที่มีการเซ็นเซอร์ที่เข้มงวด คุณจำเป็นต้องมี VPN ที่มีการตั้งค่าที่นำเสนอโปรโตคอล obfuscation และ stealth การใช้ VPN แบบธรรมดา ๆ จะไม่ทำให้มันสามารถหลีกเลี่ยงได้
คลิกที่นี่เพื่อดูรายการ VPN ที่อัปเดตเป็นประจำซึ่งปัจจุบันสามารถใช้งานได้ในประเทศจีน - ในการดาวน์โหลด torrent ในความเป็นส่วนตัวที่สมบูรณ์
ไม่ใช่ VPN ทั้งหมดที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ peer-to-peer (P2P) บนเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขาและแม้กระทั่งบางส่วนที่ไม่เหมาะสำหรับการ torrent
สิ่งที่คุณกำลังมองหาที่นี่คือเซิร์ฟเวอร์ P2P ที่หลากหลายที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งจริงของคุณ เช่นเดียวกับการสตรีมมิ่งการ torrent เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้แบนด์วิดท์สูง ดังนั้น VPN ของคุณจึงต้องมีความเร็วสูงเช่นกัน
กำลังมองหา VPN ที่เหมาะสมสำหรับ torrent อยู่หรอ เราได้จัดเตรียมเอาไว้ให้คุณแล้ว – ดู VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการ torrentที่คุณสามารถใช้ได้ในขณะนี้
หลังจากที่คุณตัดสินใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์หลักของ VPN ให้ถามตัวคุณเองด้วยคำถาม 10 ข้อต่อไปนี้:
- ฉันยินดีจ่ายเท่าไหร่
ผู้ให้บริการที่ต่างกันเสนอราคาที่แตกต่างกันสำหรับบริการของพวกเขาโดยปกติอยู่ระหว่าง $5 ถึง $10 ต่อเดือน - นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ให้บริการคืออะไร
ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการ VPN ของคุณมุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวของคุณ - มาตรการความปลอดภัยทางเทคนิคของผู้ให้บริการดีเพียงใด
ผู้ให้บริการเสนอการเข้ารหัสที่ยอมรับได้หรือไม่และหากเป็นเช่นนั้นรองรับโปรโตคอลใดบ้าง มี OpenVPN รวมอยู่ด้วยหรือไม่ - ระยะห่างทางภูมิศาสตร์ระหว่างเซิร์ฟเวอร์ VPN กับเซิร์ฟเวอร์ที่ฉันต้องการเข้าถึงคือเท่าใด
สิ่งนี้จะส่งผลโดยตรงต่อความเร็วในการใช้งาน ตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อความเร็วในการใช้งาน รวมถึงพลังในการประมวลผลของเซิร์ฟเวอร์, แบนด์วิดท์ที่มีให้ใช้งานและจำนวนผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์เดียวกันพร้อมกันหรือที่เรียกว่า “ความหนาแน่นบนเซิร์ฟเวอร์” โปรดทราบว่าด้วยการเลือกผู้ให้บริการ VPN คุณภาพสูง คุณจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาความเร็วอีกต่อไป - ผู้ให้บริการมีเซิร์ฟเวอร์เท่าไหร่และอยู่ที่ใด
รายชื่อเซิร์ฟเวอร์เป็นส่วนสำคัญของบริการ VPN ยิ่งพวกเขามีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น การกระจายตัวของเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขามีความสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในหลายประเทศ สุดท้ายเซิร์ฟเวอร์นับพันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย หากมันไม่ได้มีความเร็วมากพอ ดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครือข่ายนั้นเพียงพอโดยตรวจสอบจากรีวิวจากผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้จริง - ฉันสามารถใช้อุปกรณ์ได้พร้อมกันกี่เครื่อง
VPN ส่วนใหญ่นั้นสามารถใช้งานได้บนแพลตฟอร์มหลักเกือบทั้งหมด รวมถึงเดสก์ท็อป, แล็ปท็อป, สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ในขณะที่ผู้ให้บริการ VPN บางรายจะจำกัดการเชื่อมต่อของคุณแต่เพียงอุปกรณ์เดียว ผู้ให้บริการอื่น ๆ ให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ จำนวนมากกับเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขาพร้อมกัน ตรวจสอบคุณสมบัตินี้ให้ดีหากคุณต้องการการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน - การบริการลูกค้าของผู้ให้บริการนั้นดีเพียงใด
โดยการอ่านความเห็นจากลูกค้าและการให้คะแนนสำหรับผู้ให้บริการ VPN แต่ละราย คุณสามารถเลือกผู้ให้บริการที่ตอบสนองต่อข้อสงสัยหรือข้อกังวลของคุณในเวลาที่เหมาะสมและเป็นมืออาชีพ - ผู้ให้บริการเสนอให้ทดลองใช้ฟรีหรือไม่
วิธีที่ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุดในการทราบว่าบริการที่เหมาะกับความต้องการของคุณ ก็คือการทดลองด้วยตัวคุณเอง สำหรับรายการบริการที่ยอดเยี่ยมที่ให้คุณทดลองใช้ฟรีโปรดดู VPN ที่ดีที่สุดพร้อมการทดลองใช้ฟรี - ผู้ให้บริการนำเสนอการสนับสนุนข้ามแพลตฟอร์มหรือไม่
หากต้องการใช้ VPN ได้อย่างง่ายดายบนอุปกรณ์ใด ๆ ตรวจสอบดูว่าผู้ให้บริการรายนั้นนำเสนอไคลเอนต์แอพพลิเคชั่นสำหรับแพลตฟอร์นั้น ๆ หรือเปล่า หากไม่มี คุณจะต้องการคำแนะนำที่ชัดเจนสำหรับการตั้งค่าด้วยตนเอง – ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN ของคุณมีสิ่งเหล่านั้น - มีฟีเจอร์หรือสิทธิพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ฟีเจอร์บน VPN บางอย่างนั้นมีความสำคัญและคุณควรมีฟีเจอร์เหล่านี้บน VPN ของคุณ ฟีเจอร์ที่ควรมีคือ kill switch และการป้องกันการรั่วของ DNS อื่น ๆ เช่น การตั้งค่าการซ่อนตัว, การเข้ารหัสสองชั้น, หมายเลข IP แบบคงที่และการแยกช่องสัญญาณล้วนมีประโยชน์ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ
เมื่อคุณตัดสินใจและตอบคำถามที่สำคัญทั้งหมดได้แล้ว คุณได้ว่าจะได้พบในสิ่งคุณที่ต้องการ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่คุณควรจำไว้ก็คือคุณควรค้นคว้าหาความรู้เอาไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การเลือก VPN ที่มีราคาแพง แต่มั่นคงและมีอุปกรณ์ครบครันนั้นดีกว่าหากคุณกำลังมองหาบริการแบบระยะยาว แม้ว่าคุณคิดว่าคุณไม่ต้องการฟีเจอร์พิเศษตอนนี้ คุณก็ไม่มีทางรู้เลยว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สรุป
หากคุณอ่านมาถึงในส่วนนี้ของคำแนะนำเราขอแสดงความยินดีด้วย – คุณเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ใช้ VPN มือใหม่แต่ตอนนี้คุณได้จบการศึกษาและกลายเป็นผู้ที่มีความรู้ด้าน VPN แล้ว เราหวังว่าคู่มือนี้จะตอบทุกคำถามของคุณ! ตอนนี้ถึงเวลาเลือก VPN แล้วเพลิดเพลินกับอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยและดีกว่าเดิม