เทคโนโลยี Li-Fi
Li-Fi ย่อมาจาก Light Fidelity ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการสื่อสารไร้สายเช่นเดียวกันกับ Wi-Fi ที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจะบัน แต่ทว่า Li-Fi จะใช้เทคโนโลยี แสงสว่างในการสื่อสารแทน ที่จะใช้คลื่นวิทยุดังเช่นเทคโนโลยี Wi-Fi คือ 802.11ac หรือ เทคโนโลียี 3G/4G/5G และมีผลการทดสอบจริงในออฟฟิค Li-Fi สามารถรับส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็ว 1 GB ต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่า Wi-Fi ถึง 100 เท่า เลยทีเดียว
เทคโนโลยี Li-Fi หรือก็คือการสื่อสารไร้สายแแบบใช้แสง อาจเปลี่ยนโลกของระบบเครือข่ายไร้สายในอนาคตอันใกล้ ซึ่งอาจจะมาแทนที่ Wi-Fi ซึ่งยังมีข้อจำกัดในเรื่องของความเร็ว
https://en.wikipedia.org/wiki/Li-Fi
Li-Fi ทำงานยังไง

- Li-Fi ย่อมาจาก Light Fidelity
- โอนย้ายข้อมูลผ่าน ไฟและหลอดแอลอีดี
- รับส่งข้อมูลด้วยการเปลี่ยนแปลงค่าความสว่างหรือ Amplitude
- ปราศจากสิ่งรบกวน ไม่เหมือนกับ Wi-Fi ที่ใช้คลื่นวิทยุ
- สัญญาณ Li-Fi จะถูกกันได้ด้วยกำแพง ซึ่งทำให้ระบบมีความปลอดภัยมากขึ้น
- ความเร็วในการรับโอนข้อมูล 1 GB
- รองรับการส่งสัญญาณในระยะประมาณ 10 เมตร
- ส่วนประกอบของระบบ Wi-Fi
- Lamp Driver
- LED bulb
- Photo Detector
โดยภาพรวมแล้ว เทคโนโลยี Li-Fi จะสามารถตอบโจทย์ได้ดีในเรื่องการรับส่งข้อมูลที่เร็วมากๆ แต่อย่างไรก็ดี ก็คงยังมีข้อจำกัดอยู่ เนื่องจาก “แสง” ไม่สามารถส่งข้ามผ่านกำแพงหรือสิ่งกีดขวางได้ ทำให้ไม่สามารถส่งข้อมูลผ่านผนังได้นั้นเอง
นอกจากนี้ จากการที่ Li-Fi ส่งสัญญาณผ่านแสงซึ่งไม่สามารถทะลุกำแพงได้ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยจากการถูกดักฟังสัญญาณมากกว่าการใช้ Wi-Fi ที่ส่งสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุ รวมทั้งยังเกิดการกวนกันของสัญญาณต่ำ แต่ก็ต้องแลกกับระยะทางที่สั้นลง และแหล่งกำเนิดสัญญาณ (หลอด LED) ที่ต้องมีจำนวนมากขึ้นนั่นเอง
ปัจจุบัน มีการพัฒนาและทดสอบอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศ มีการทดสอบโดยการแยกสีออกเป็น สีแดง เขียว และน้ำเงิน ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลที่ความเร็วเพิ่มขึ้นอีกมาก แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องรอให้มีการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ และหลังจากนั้น เราคงได้ทดสอบ Li-Fi แบบของจริง ในอีกไม่นานนี้